ตะกรุดหนังเสือไฟ (ดอกครู) พระอาจารย์โบรี ธีรมุนี วัดสว่างโสภณ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ F

ตะกรุดหนังเสือไฟ พระอาจารย์โบรีธีรมุนี วัดสว่างโสภณอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์

อานุภาพแห่ง "ตะกรุดหนังเสือไฟ" "สารพัดดี สารพัดกัน สารพัดแก้ สารพัดโชคลาภ"

"หนังเสือ" คนโบราณเชื่อกันว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีพลังกำลังมาก ตบะเก่งกล้า มีฤทธิ์เดชมาก สามารถปราบผีหรือสิ่งเลวร้ายของชีวิตได้ และยังมีความสง่างาม พระเกจิอาจารย์หลายท่านจึงได้นำส่วนต่างๆ ของเสือมาทำเป็นวัตถุมงคล เช่น หนัง หน้าผาก และเขี้ยวเสือ มาปลุกเสกตามวิชาที่เรียนมาจากครูบาอาจารย์เพื่อเพิ่มอนุภาพ

ตามคติความเชื่อของคนเล่นของ เชื่อว่าใครที่มีพลังของเสือไว้ครอบครอง พกหรือใช้เครื่องรางประเภทเสือ ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเสือแกะ ตะกรุดหนังเสือ ผ้ายันต์รูปเสือ  รวมทั้งการสักยันต์ลายเสือ จะมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด รวมทั้งมหาอุด

ขณะเดียวกันคนปีขาลมักจะได้ดีเพราะรับราชการ ทำการเมืองจะก้าวหน้า มีอำนาจวาสนาสูง อาสาเจ้านายดีนัก มักจะสำเร็จ นำเกียรติยศชื่อเสียงมาให้วงศ์ตระกูล มักได้ลาภจากคนขาวเหลือง และจะอุปถัมภ์ค้ำชูอุดหนุนให้ดวงดีเด่นเป็นต้น

ตะกรุดหนังเสือ โดดเด่นไปในทางมหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน โดยถือเอาสัญชาตญาณของเสือที่เป็นสัตว์ที่มีพลังอำนาจมาก เป็นสัตว์ที่ถือว่าเป็นใหญ่ในป่า เป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดได้ดี คล่องแคล้ว จากนิสัยจืงเสือ โบราณจารย์จึงนำมาเป็นเคล็ดในการสร้างตะกรุด อานุภาพของตะกรุดหนังเสือ จึงมีลักษณะดังกล่าวซึ่งเหมาะกับผู้บูชาที่ศรัทธาชื่นชอบในตะกรุดประเภทนี้ 

หรือผู้ที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ผู้ที่ต้องทำงานเสี่ยงอันตราย หรือแวดล้อมด้วยศัตรู คนที่คิดไม่ดี หรือต้องการบูชาเพื่อเสริมอำนาจวาสนาบารมี มีเสน่ห์ในด้านเมตตามหานิยม ดูน่าเกรงขาม ได้อีกด้วย โดยตะกรุดหนังเสือไฟเป็นที่นิยมสะสมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบเครื่องราง

อานุภาพและอุปเท่ห์การใช้ตระกรุดหนังเสือไฟ

หากใช้ทางค้าขายโชคลาภ ตั้งจิตอษฐานภาวนากำกับ

"...โภคะโภคัง ลาภะลาภัง ธะนังมานิ เอหิลาภังปิ ยังมะมะ..."

หากใช้ทางแคล้วคลาด ก่อนออกเดินทางตั้งจิต ภาวนากำกับ

"....พุทโธระเบิด เปิดทาง อะระหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ...."

ใช้ทางกันภูติผี คุณไสย์ ภาวนทกำกับ-

"...พุทโธ พุทธัง นะกันตัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ..."

เมื้อถึงยามฉุกเฉินหรือยามหลบหนี ภาวนากำกับ

"...พุทธัง บังจักกุระ ธัมมัง บังจักกุระ สังฆัง บังจักกุระโอมอุไม่เห็นอิ..."

หากเข้าป่าดงพงศ์พฤกษ์ประสบอาถรรพ์ป่าพึงสละตระกรุนี้เผาไฟให้ไหม้เถิดอาถรรพ์ผีป่าหนีกระเจิงแล พระคาถาต่างๆนี้ จะภาวนา ๓ - ๕ - ๗ - ๙ จบ ก็ได้ หรือนึกได้ตอนไหนก็ภาวนาเสมอ เรียกว่า (ภาวนาเป็นอารมย์ จะดียิ่งนัก)