08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️

08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️
08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️08/04/67 วัดพระธาตุลำปางหลวง ✔️
หมวดหมู่ เรื่องเล่า การเดินทาง ทำบุญ
ราคา 0.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
คงเหลือ ไม่จำกัด
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

วัดพระธาตุลำปางหลวง (ไทยถิ่นเหนือ: ) ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร วัดตั้งอยู่บนเนินสูง มีการจัดวางผังและส่วนประกอบของวัดสมบูรณ์แบบที่สุด มีสิ่งก่อสร้าง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ บริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย องค์พระธาตุลำปางหลวง เป็นประธาน มีบันไดนาคนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง ถัดซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็น วิหารหลวง บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวารตั้งอยู่คือ วิหารน้ำแต้ม และ วิหารต้นแก้ว ด้านตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ และ หอพระพุทธบาท ด้านใต้มี วิหารพระพุทธ และอุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงแก้วด้านใต้มีประตูที่จะนำไปสู่เขตสังฆาวาส ซึ่งประกอบด้วยอาคาร หอพระไตรปิฎก กุฏิประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า อาคารพิพิธภัณฑ์และกุฏิสงฆ์

 

ความยิ่งใหญ่และสง่างามของวัดพระธาตุลำปางหลวงนั้น เห็นและสัมผัสได้เด่นชัดทันที ตั้งแต่เมื่อมองจากบริเวณภายนอกในระยะไกลหลายร้อยเมตร เป็นความงามที่สะกดผู้พบเห็นให้ตื่นตะลึงใจ จนรู้สึกตัวเล็กลีบลงในชั่วพริบตา       

        ในบรรดาคำพรรณนาชื่นชมวัดพระธาตุลำปางหลวงทั้งหมดที่เคยอ่านผ่านตา ผมจับอกจับใจกับบทความชื่อ ‘เที่ยวเมืองล้านนา’ โดยไมเคิล ไรท์มากสุด อาจารย์ไมค์ เขียนไว้ว่า “โอ้พระธาตุลำปางหลวงเอ๋ย ไม่รู้จะสรรเสริญด้วยคำใด เห็นท่านแล้ว กิเลสหล่น คำเราเพียงเถ้าถ่าน หมดไฟ”     สั้น กระชับ เข้าเป้า ถูกต้อง และใช่เลย

       

        วัดพระธาตุลำปางหลวง มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง และสร้างขึ้นอย่างประณีตดีเยี่ยม จนกลายเป็นความยิ่งใหญ่ที่ชวนให้รู้สึกอัศจรรย์ใจ ความสง่างามนั้นเกิดจาก การออกแบบวางผังวัด ด้วยภูมิปัญญาอันชาญฉลาด ฝีมือเชิงช่างที่ล้ำเลิศ เปี่ยมด้วยคุณค่าความงามทางศิลปะ และสภาพห้อมล้อมรอบ ๆ บริเวณวัด  ตัววัดทั้งวัดตั้งอยู่บนเนินย่อม ๆ (ซึ่งไม่ใช่เนินตามธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือมนุษย์ ถมดินก่อขึ้น) สูงจากพื้นราบปกติประมาณสิบเมตร เนินนั้นช่วยขับเน้นเสริมให้ วิหารหลวงและองค์พระธาตุเจดีย์ ซึ่งอยู่หลังเขตแนวกำแพงแก้ว (หรือเรียกกันอีกอย่างว่า ศาลาบาตร) เพิ่มทวีความสูงจนโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ประกอบกับรอบ ๆ บริเวณวัดครอบคลุมเลยไกลไปสุดหูสุดตา ไม่มีอาคารบ้านเรือนตึกสูงใด ๆ มาบดบังหรือรบกวนทัศนียภาพ  ความยิ่งใหญ่สง่างามนั้นจึง เปล่งประกายอย่างถึงที่สุด และสามารถสัมผัสรับรู้ได้ทันที ถึงเจตนาในการออกแบบสร้างขึ้น โดยมุ่งหมายเนรมิตให้เป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ สูงส่งเหนือกว่าโลกปกติของปุถุชน

       

        พูดอีกแบบ วัดพระธาตุลำปางหลวง คือภาพจำลองอย่างเป็นรูปธรรมของสวรรค์บนดิน  และเป็นภาพจำลองสรวงสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผมคิดว่าไปได้กว้างไกลสุดเท่าที่จินตนาการของมนุษย์ (ในยุคสมัยอดีต)จะสามารถนึกคิดประดิษฐ์ออกมาได้ นี่ยังไม่นับรวมว่า มีสิ่งก่อสร้างอาคารสำคัญ ๆ อีกมากมายหลายหลากภายในวัด ซึ่งสร้างขึ้นอย่างอลังการวิจิตรบรรจง  เฉพาะในมุมของผู้นิยมชมชอบทางศิลปะ วัดพระธาตุลำปางหลวงก็เปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ขนาดใหญ่ ซึ่งเก็บรวบรวมจัดแสดงผลงานศิลปะชั้นเยี่ยม จำนวนนับไม่ถ้วน  ยกย่องกันว่า นี่เป็นแหล่งรวมงานศิลปกรรมล้านนาที่สมบูรณ์ถึงพร้อมมากสุดอีกแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งในจังหวัดลำปาง (ซึ่งมั่งคั่งด้วยวัดสวย ๆ เยอะแยะมากมาย) เท่านั้น แต่ถือเป็นเพชรน้ำเอกครอบคลุมทั่วตลอดทั้งภาคเหนือเลยทีเดียว  หลายสิ่งหลายอย่างในวัดนี้ หาดูที่ไหนอีกไม่ได้แล้ว กระทั่งในเชียงใหม่ ซึ่งเคยมีฐานะเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนา ก็เหลือตกทอดมาถึงปัจจุบันไม่เพียบพร้อมครบถ้วน เทียบเท่า

       

        ที่สำคัญคือวิหารสามหลัง ได้แก่ วิหารหลวง วิหารพระพุทธ และวิหารน้ำแต้ม ผู้รู้นักวิชาการต่างลงความเห็นว่า เหล่านี้เป็นวิหารอายุเก่าแก่มากสุดของล้านนา (ประมาณคร่าว ๆ ว่า สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 21 หรือราว ๆ 500 กว่าปี) และยังคงสภาพใกล้เคียงกับของเดิมเมื่อครั้งแรกสร้าง แม้จะมีการซ่อมแซมบูรณะ ทว่าก็รักษาความกลมกลืน และมีการเปลี่ยนแปลงผิดแผกแต่เพียงน้อยนิด

       

        สันนิษฐานต่อได้ว่า เดิมทีในเชียงใหม่และจังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือ คงจะมีโบราณสถานหลายแห่ง สมบูรณ์ใกล้เคียงกับวัดพระธาตุลำปางหลวง ข้อแตกต่างนั้นอยู่ที่ว่า ในอดีตที่ผ่านมา พื้นที่เขตจังหวัดลำปาง ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างล้านนากับพม่ามากนัก เมื่อเทียบกับถิ่นย่านละแวกอื่น วัดวาอารามสำคัญหลายแห่ง จึงไม่เสียหาย ไม่ถูกปล่อยทิ้งร้าง และได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่องสม่ำเสมอ

       

        วัดพระธาตุลำปางหลวง มีครบถ้วนทั้ง 3 องค์ประกอบหลัก ในการชื่นชมให้เกิดความดื่มด่ำประทับใจแบบดำดิ่งลงลึก นั่นคือ มีตำนานเรื่องเล่าห้อมล้อมแนบเคียงจำนวนมาก, ข้อมูลหนาแน่นในทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี และท้ายสุด มีคำอธิบายเยอะแยะมากมายในแง่ความงามทางศิลปะ ว่ากันเฉพาะประวัติความเป็นมา ก็มีต้นตอบ่อเกิด หลายทาง (ซึ่งเล่าความไม่ลงรอยตรงกันนัก)  ที่เล่าความเหตุการณ์ย้อนกลับไปไกลและเก่าสุด ปรากฏในหนังสือ ‘ตำนานพระบรมธาตุลำปางหลวง’ (ซึ่งน่าจะเป็นการเขียนขึ้นในชั้นหลัง โดยอ้างอิงจากเอกสารหลายชิ้น ที่ยังไม่เก่าเกินไปนัก) กล่าวถึงความเป็นมาเกี่ยวกับวัดนี้ ไว้ว่า

       

        เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าผ่านพ้นการตรัสรู้ได้ 25 พรรษา ทรงรำพึงว่า สืบไปเบื้องหน้า หากทรงมีอายุครบ 80 พรรษา ก็จะเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน จึงควรอธิษฐานธาตุให้ย่อย เพื่อให้เหล่าอรหันต์และผู้คนนำไปบรรจุไว้เป็นที่สักการบูชา เสมือนพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ขยายความให้ง่ายแก่การเข้าใจ นั่นเป็น กำเนิดจุดเริ่มต้นของแนวคิดเรื่องบรรจ ุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ในเจดีย์ และคติเกี่ยวกับการไหว้บูชาพระธาตุในเวลาต่อมา  รุ่งขึ้นวันถัดมาเป็นวาระออกพรรษา พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าสาวก ออกสัญจรไปตามเมืองน้อยใหญ่ กระทั่งถึงหมู่บ้านนามว่า ลัมภะการีวัน ทรงเสด็จประทับนั่งเหนือดอยม่อนน้อย (เขาเตี้ย) ขณะนั้นมีชายผู้หนึ่งชื่อ ลั๊วะอ้ายกอน ผ่านมาพบพระพุทธเจ้า ก็เกิดจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงนำเอาน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้าง (ไม้ข้าวหลามไม้เปราะ) มะพร้าวและมะตูมอย่างละ 4 ลูก ถวายแก่พระพุทธองค์ ทรงรับแล้วส่งกระบอกน้ำผึ้งนั้นแก่พระอานนท์ นำไปกรองลงบาตร จึงฉันน้ำผึ้งนั้น และโยนกระบอกไม้ไปทางทิศเหนือ

       

        พระพุทธเจ้าทรงมีพยากรณ์ว่า ต่อไปเบื้องหน้า ที่แห่งนี้จะมีผู้มาสร้างเมืองชื่อ ‘ลัมภะกัปปะนคร’ พร้อมทั้งยกพระหัตถ์ขวาลูบพระเศียร ได้พระเกศา 1 เส้น แล้วมอบให้ลั๊วะอ้ายกอน ลั๊วะอ้ายกอนรับพระเกศานั้นแล้ว ก็บรรจุใส่ผอบ และร่วมกับพระเจ้าปเสนทิ ฯ (ซึ่งติดตามมาปรนนิบัติพระพุทธเจ้า) พระอรหันต์ ช่วยกันขุดหลุมกว้าง 5 วา ลึก 5 วา   จากนั้นก็อัญเชิญผอบพระเกศาบรรจุฝังลงในหลุม ก่อเป็นพระเจดีย์เหนือหลุมอุโมงค์สูง 7 ศอก   พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ต่อไปว่า หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้ว 218 ปี จะมีพระอรหันต์ 2 องค์ ชื่อพระกุมาระกัสสะปะเถระ นำเอาอัฐิพระนลาตเบื้องขวา (กระดูกหน้าผาก) และพระเมฆิยะเถระนำอัฐิพระศอ (กระดูกคอ) ด้านหน้าและด้านหลัง มาบรรจุเพิ่มไว้ในที่นี้อีก และเจดีย์นี้จะปรากฏเป็นพระเจดีย์ทองคำ ได้ชื่อว่า ‘ลัมภะกัปปะ’ พยากรณ์เสร็จสรรพ พระพุทธเจ้าก็ออกเสด็จจาริกไปโปรดสัตว์ยังบ้านเมืองอื่นต่อ

 

        เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 218 ปี เหตุการณ์ทุกอย่างก็เป็นไปตามคำพยากรณ์ แต่เรื่องในตำนานยังไม่จบ  พงศาวดารโยนกของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) เล่าเหตุสืบเนื่องต่อมาไว้ว่า พระเจ้าสุวรรณภูมิ มีโอรส 2 องค์ คือ พระเจ้าอาทิตย์ราช และพระเจ้าจันทะเทวราช เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ขออนุญาตเรียกสั้น ๆ ว่า พระอาทิตย์และพระจันทร์ ครั้งนั้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ เสด็จออกเดินทางมาทำการบูรณะพระธาตุ  พระอาทิตย์บูรณะพระธาตุหริภุญชัย นครลำพูน ส่วนพระจันทร์บูรณะพระธาตุลัมภะกัปปะนคร หรือพระธาตุลำปางหลวง

       

        ควรต้องหมายเหตุไว้เล็กน้อยนะครับ บางตำราระบุว่า เป็นกษัตริย์ผู้ครองดินแดนสุวรรณภูมิ นามว่าพระเจ้าจันทรเทวราช ที่แตกต่างกันอีกนิดก็คือ ทางหนึ่งเล่าว่าเสด็จมาบูรณะองค์พระธาตุโดยตรง แต่อีกทางหนึ่ง พระจันทร์ยกทัพผ่านมายังเมืองนี้ เห็นพระเจดีย์มีสภาพชำรุดทรุดโทรม แต่ที่สอดคล้องตรงกันก็คือ พระจันทร์ท่านทรงทราบกิตติศัพท์คำร่ำลือ เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุ จึงเกิดความต้องการ อยากอัญเชิญพระธาตุกลับไปยังบ้านเมืองของตน เพื่อทำการสักการบูชา จึงประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมธาตุ บรรจุลงในผอบ   ทว่าเช้าวันต่อมา เมื่อเปิดผอบพระบรมธาตุก็อันตรธานหายไป (บางตำราก็เล่าโลดโผนยิ่งขึ้นว่า พระธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยกลับสู่ที่เดิม เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นโดยทั่วหน้า)

       

        สรุปรวมความแล้วพระจันทร์ก็อัญเชิญพระธาตุไม่สำเร็จ และเพิ่มพูนความเลื่อมใส สร้างพระสถูปเจดีย์เสียใหม่ ให้ใหญ่โตสวยงามและแข็งแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างหุ่นยนต์ลงอาคมถืออาวุธ ประจำตำแหน่ง 4 ทิศ แล้วก่ออุโมงค์ครอบทับลงไป เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองเฝ้าระวังรักษาพระบรมสารีริกธาตุ เหตุการณ์ก็นิ่งสงบไปอีกเนิ่นนาน ไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด เรื่องทำนองเดิม ๆ คล้ายคลึงกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  พระยาพละหรือพระยาพลราช เจ้าเมืองแพร่ ทราบความอันเป็นที่เลื่องลือเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุที่ลัมภะกัปปะนคร จึงเสด็จมาพร้อมเหล่าเสนา ข้าบริวารจำนวนมาก เพื่อประกอบพิธีอัญเชิญพระธาตุ คราวนี้หนักข้อยิ่งกว่าเสียอีก คือ ขุดพบแค่แผ่นเงิน ที่กลบหลังหุ่นยนต์ และขุดลึกลงไปกว่านั้นไม่ได้ เจาะพื้นดินไม่เข้า   หุ่นยนต์ป้องกันต้านทานเอาไว้อย่างแข็งขัน   พระยาพลราชจึงเกณฑ์ผู้คนรวบรวมก้อนหิน และท่อนไม้ขนาดใหญ่มาเป็นจำนวนมาก และนัดแนะกันโถมทุ่มสรรพสิ่ง ลงไปในหลุมพร้อม ๆ กัน หวังให้น้ำหนักของหินและไม้ เททับพื้นหลุมนั้นให้พังทลาย

       

        ตำนานบันทึกไว้ว่า พื้นหลุมไม่มีร่องรอยบอบช้ำบุบสลาย แต่หินและไม้เปื่อยป่นละเอียดเป็นผุยผง ทำซ้ำ ๆ เช่นนี้อยู่ 2-3 ครั้ง ล้วนได้รับผลดังเดิมไม่ผิดเพี้ยน พระยาพลราชทราบแน่แก่ใจว่า ไม่มีบุญญาบารมีเพียงพอในการอัญเชิญพระธาตุ และยอมสยบน้อมรับต่อความศักดิ์สิทธิ์ จึงสั่งให้หาตัวคนกระทำความผิดคิดชั่ว 4 คน มาประหารฆ่าทิ้ง แล้วเอามากองสุมกัน ให้เท้าชี้ไปคนละทิศ เพื่อเป็นกำลังเสริมในการปกป้องคุ้มครององค์พระธาตุสืบไป    และยังถมดินจนราบเรียบเท่าพื้น ให้หาไม้ขะจาวมาปลูกตรงกลางหลุม รวมทั้งปลูกไม้เดียวกันห้อมล้อมทั้ง 4 ทิศ เพื่อเป็นเครื่องหมายระบุตำแหน่ง พระยาพลราชทำเช่นนั้น ด้วยเชื่อว่า หากแม้นวันหนึ่งข้างหน้า หุ่นยนต์ลงอาคมชำรุดพังลงหรือเสื่อมด้วยเวทมนตร์ พระองค์จะได้เสด็จย้อนกลับมาประกอบพิธีอัญเชิญพระธาตุอีกครั้ง

       

        ตำนานไม่ได้เล่าอะไรต่อจากนี้นะครับ ถ้าจะให้เดา ผมก็เดาว่า เมื่อพระยาพลราชกลับสู่เมืองแพร่ คงจะรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ จนกระทั่งเป็นฝ่ายล่วงลับดับไปเสียก่อน ตำนานเกี่ยวกับความเป็นมาของวัดพระธาตุลำปางหลวง ยังไม่จบครบถ้วนกระบวนความนะครับ

วิธีการสั่งซื้อสินค้า

ขั้นตอนที่ 1
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ โดยคลิกปุ่มสั่งซื้อ / หยิบลงตะกร้า
ขั้นตอนที่2
เมื่อเลือกสินค้าครบแล้ว ให้คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้าในตะกร้าสินค้า
ขั้นตอนที่ 3
กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกปุ่มยืนยันการสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 4
ชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถดู วิธีการชำระเงินได้ที่นี่
ขั้นตอนที่ 5
แจ้งการชำระเงินผ่านทางหน้าเว็บไซต์ แจ้งชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 6
เมื่อทางร้านตรวจสอบรายการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งสินค้าให้คุณทันที

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็ลทรัล รามอินทรา ออมทรัพย์

รายการสินค้า

ผู้ชมทั้งหมด808,839 ครั้ง
เปิดร้าน12 ก.ย. 2559
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านสิริเครื่องรางมหาเสน่ห์
สิริเครื่องรางมหาเสน่ห์
รับทำเสน่ห์ เรียกจิต ผ่าจ้าน แยกมือที่สาม ให้บูชาเครื่งรางเสน่ห์ เครื่องรางสายพราย ทุกชนิด
เบอร์โทร : 0924515589
อีเมล : sirimabang@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม